ดูเหมือนจะเคยเขียนเล่าไว้แล้วว่าหัวหน้าทีมซอกแซก ซึ่งไปสวมวิญญาณ “จ่าแฉ่ง” จัดรายการวิทยุอยู่ทางสปอร์ตเรดิโอ เอฟเอ็ม 96 และเอฟเอ็ม 106.75 เวลา 8 โมงเช้าเศษๆด้วยนั้น จำเป็นต้องไปจัดรายการทางทีวีเพิ่มอีกรายการหนึ่ง
ชื่อรายการ “ครอบจักรวาลกีฬาโดยจ่าแฉ่ง” ทาง สยามกีฬาทีวี ช่อง 69 ของทรูวิชั่นส์...ว่าด้วยเรื่องกีฬาทั้งของใหม่ของเก่าคละเคล้ากัน
จะด้วยเจตนาดีของคุณ ระวิ โหลทอง เจ้าพ่อสยามสปอร์ต ที่จะหาค่ายาบำรุงกำลังให้จ่าแฉ่ง หรือเป็นเพราะรายการทีวีเขายังไม่เต็มไปช่วยให้เต็มๆหน่อย ยังไม่ทราบได้...แต่เมื่อมีใบสั่งจากคุณระวิ ใครเลยจะปฏิเสธได้ล่ะ
ต่อมาเพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ของพิธีกรอาวุโส ที่ผ่านโลกและผ่านโรคมายาวนานพอสมควรอย่างหัวหน้าทีมซอกแซก ฝ่ายจัดรายการเขาก็เลยขอร้องแกมบังคับให้เล่าตำนานเก่าๆของวงการกีฬาเมืองไทยเราตบท้ายให้ด้วย
ทำให้ต้องไปค้นเรื่องกีฬาเก่าๆมาเล่าอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 เรื่อง หรือถ้ายาวหน่อยก็ 1 เรื่อง หลายๆสัปดาห์มาตลอด 2-3 เดือนที่ไปจัดรายการ
นอกจากค้นคว้าประวัติเก่าๆแล้วก็อาศัยความทรงจำที่เคยร่วมอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่สมัยยังเป็นคนดูอยู่วงนอกจนกระทั่งได้มาอยู่ในวงการกีฬา ด้วยการเป็นนักข่าวกีฬานั่งดูที่ขอบสนามบ้างขอบเวทีบ้างมาเล่าเสริม
ยิ่งค้นคว้าก็ยิ่งสนุกโดยเฉพาะการค้นคว้าในห้องสมุดที่เก็บหนังสือพิมพ์เก่าๆไว้ด้วย
ขณะเดียวกันก็พบความจริงที่สำคัญข้อหนึ่งว่าการเก็บเข้าระบบทันสมัย หรือระบบอินเตอร์เน็ตหรือระบบออนไลน์สำหรับเรื่องเก่าๆนั้น ของบ้านเรายังห่างไกลกว่าของฝรั่งหลายเท่าตัว
อย่างตอนพูดถึง “จำเริญ ทรงกิตรัตน์” หรือ ไอ้จิ้งเหลนไฟ นักมวยของเราที่หันไปชกสากลแล้วขึ้นชกชิงแชมป์โลกคนแรกของประเทศไทยนั้นบันทึกในระบบออนไลน์ภาษาไทยมีน้อยจริงๆ
มีของ “วิกิพีเดีย” ไทยสั้นๆ แค่ 1 หน้าเศษๆ เท่านั้น
เข้าไปกูเกิ้ลภาษาไทยก็จะมีเรื่องราวหรือข่าวคราวของ จำเริญ ทรงกิตรัตน์ เพียงไม่กี่หน้าก็หมดแล้ว
ขณะที่กำลังท้อถอยอยู่นั่นเอง ลองตัดสินใจพิมพ์ชื่อจำเริญเป็นภาษาอังกฤษดูโดยสะกดคำว่า CHAM ROEN SONGKITRAT ไปแบบเดาสุ่ม
ได้เรื่องเลยครับจากกูเกิ้ลภาคภาษาอังกฤษมีหัวข้อเกี่ยวกับจำเริญ ทรงกิตรัตน์ยาวเหยียดและส่วนใหญ่เป็นการบันทึกไว้เป็นภาษาอังกฤษโดยสื่อภาษาอังกฤษดังๆทั้งสิ้น
แถมยังมีภาพยนตร์การชกครั้งสุดท้ายของจำเริญกับราอูลมาเซียสที่อเมริกาที่จำเริญถูกน็อกยก 7 ให้ดูอีกด้วยทางยูทูบ
เห็นแล้วก็รู้สึกขนลุกซู่ด้วยความตื่นเต้นเพราะนึกไม่ถึงว่า จำเริญ ทรงกิตรัตน์ จะดังขนาดนี้
มีอยู่เว็บไซต์หนึ่งนำเสนอเรื่องราวการชิงแชมป์โลกที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อวันที่ 2 เดือนพฤษภาคม ปี 1954 หรือ 2497 ระหว่าง จิมมี่ คารัทเธอร์ แชมป์โลกรุ่นแบนตัมเวทของสมาคมมวยโลก และนิตยสาร เดอะริง ชาวออสเตรเลีย กับ จำเริญ ทรงกิตรัตน์ นักชกไทยเอาไว้อย่างละเอียดลออ
พาดหัวเป็นภาษาอังกฤษถอดความเป็นภาษาไทยได้ว่า “การชิงแชมเปี้ยนโลกที่ประหลาดที่สุดในโลก ชกกันแบบเท้าเปล่ากลางฝนของฤดูมรสุม”
บันทึกโดยผู้ใช้นามปากกาว่า B.R.Bearden อยู่ในเว็บ...WWW.eastsideboxing.com/boxing news/bearden 3001.php ลองคลิกเข้าไปดูได้
คุณ Bearden บันทึกไว้ว่า การชกครั้งนี้จัดขึ้นที่เวทีชั่วคราว สนามกีฬาแห่งชาติ
คนดังระดับโลกยุคโน้นอย่าง “ลุงแน็ท” แนท เฟลชเช่อร์ บรรณาธิการนิตยสารเดอะริง ของสหรัฐอเมริกา หรือคนดังเมืองไทย อย่าง พล.ต.อ.พิชัย กุลละวณิชย์ (ยศล่าสุด) ในฐานะโปรโมเตอร์ปรากฏชื่ออยู่ในรายงานของแกอย่างเด่นชัด
แกบอกด้วยว่าคนดู 60,000 คน หลั่งไหลกันมาจากทุกภูมิภาคของประเทศไทยจนแน่นเอ้ียดสนามกีฬา ซึ่งยังไม่มีหลังคาในยุคนั้น
สิ่งเดียวที่แกไม่ได้บันทึกไว้ แต่คนไทยทราบกันดีว่าหลายหมื่นคนที่มาจากต่างจังหวัดโดนตำรวจโรงพักที่อำเภอและจังหวัดบังคับขายตั๋วมา ไม่งั้นคงจะไม่แน่นขนาดนี้
ปรากฏว่าก่อนมวยขึ้นชกไม่กี่นาทีก็เกิดภาวะฝนตกหนัก ซึ่งก็คือ “ฝนในฤดูมรสุม” ที่แกตั้งชื่อเรื่องไว้นั่นแหละ กระหนํ่าจนคนดูเปียกปอนและเวทีที่ไม่มีหลังคาก็เปียกแฉะไปด้วย
ลุงแนท สักขีพยาน เสนอให้เลื่อนการชก แต่นายพลพิชัยบอกเลื่อนไม่ได้หรอก เพราะคนมาแล้ว 60,000 คน มาจากต่างจังหวัดด้วย ถ้าเลื่อนมีหวังจลาจล ฉะนั้น ยังไงๆก็ต้องชก “อย่าห่วง คนไทยไม่กลัวฝน” โปรโมเตอร์พิชัยบอก
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้นักชกทั้ง 2 คน ต้องขึ้นชกแบบ “เท้าเปล่า” เพราะไม่สามารถจะสวมรองเท้าลุยนํ้าที่เปียกโชกกลางเวทีได้
กลายเป็นการชกชิงแชมป์โลกที่แปลกประหลาดพิสดารที่สุดของโลกในสายตาฝรั่งไปด้วยประการฉะนี้
แถมยกท้ายๆลมพัดแรงกระหน่ำจนหลอดไฟร่วงลงมาแตกเข้าให้อีก ส่งผลให้จิมม่ี คารัทเธอร์ เหยียบเศษแก้วที่แตกต้องหยุดพักเช็ดเลือดชั่วขณะ
ครบ 15 ยก (สมัยนั้นยังชก 15 ยก) จิมมี่ชนะคะแนนท่ามกลางเสียงโห่ของคนดูไทยว่าชนะได้อย่างไร จำเริญซิควรชนะมากกว่า...ทำท่าจะเกิดจลาจล
แต่แล้วคนดูก็สงบลงเหมือนถูกมนต์สะกดเมื่อจำเริญวิ่งไปคว้าไมโครโฟนตะโกนกล่าวกับคนดูว่า “ผมภูมิใจที่ได้นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติด้วยการเป็นคนแรกที่ขึ้นชิงแชมป์โลก...โดยส่วนตัวผมพอใจกับการตัดสิน ซึ่งมีความยุติธรรมดีแล้ว...เมื่อผมยังไม่ติดใจสงสัยเช่นนี้...พี่น้องเพื่อนร่วมชาติที่รักก็อย่าติดใจสงสัยอะไรเลย”
เมื่อจำเริญกล่าวจบคนดูปรบมือด้วยความพอใจแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านในทันทีทันควัน
ต้องขอขอบคุณฝรั่งรายนี้จริงๆ เพราะถ้าแกไม่บันทึกไว้ คนไทยอาจจะลืมไปแล้วว่าเราเคยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมืองไทยและเป็นเหตุการณ์ที่คนไทยทั้งชาติรวมใจเป็นหนึ่งเมื่อปี 2497
รวมทั้งหัวหน้าทีมซอกแซกที่มีอายุแค่ 13 ปี ก็ยังอุตส่าห์นั่งเชียร์จำเริญอยู่หน้าวิทยุแปดหลอด เสียงโครกครากที่ต่างจังหวัดใน พ.ศ.ดังกล่าวเช่นกัน
อะไรไม่อะไรก็เพิ่งรู้นี่แหละว่าจำเริญ ทรงกิตรัตน์ นอกจากจะเป็นนักมวยแล้ว ยังเป็นนัก พูดอีกด้วย...พูดใส่ไมโครโฟนไม่กี่ประโยคเท่านั้น
สลายม็อบ 60,000 คน เมื่อ พ.ศ.2497 ได้เลย.
...
“ซูม”