ในที่สุดพระพุทธรูปแกะสลักกับหน้าผาของภูเขาขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและอาเซียนที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เดินหน้ามาถึงจุดที่องค์พระเสร็จสมบูรณ์แล้ว ตามการรอคอยของพุทธศาสนิกชนชาวไทย
พระแกะสลักหน้าผาใหญ่องค์นี้ พระธรรมพุทธิมงคล (สอิ้ง สิรินันโท) หรือ “เจ้าคุณสอิ้ง” เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร อ.เมืองสุพรรณบุรี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นผู้ริเริ่ม และเริ่มสร้างเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2557
“พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ” คือชื่อของพระพุทธรูปแห่งประวัติศาสตร์องค์นี้ เป็นปางโปรดพระพุทธมารดา หรือ ปางกตัญญูกตเวที ที่มีขนาดหน้าตักกว้าง 25 เมตร สูง 35 เมตร แกะสลักอยู่กับหน้าผาของภูเขาใกล้กับวัดเขาทำเทียม ต.อู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
...
หน้าผาแห่งนี้มีเนื้อที่โดยรอบบริเวณหน้าผากว่า 100 ไร่ เป็นหน้าผาที่เกิดจากการระเบิดหิน หลังหมดสัมปทานได้ถูกปล่อยไว้เป็นที่รกร้างกลายเป็นที่ทิ้งขยะ กลายเป็นที่มั่วสุมเสพยา และกลายเป็นสถานที่อันตรายหลายด้านของสังคม
จนกระทั่ง พระธรรมพุทธิมงคล (เจ้าคุณสอิ้ง) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี มองหาสถานที่เพื่อสร้างพุทธมณฑลประจำจังหวัดได้มาพบเข้า จึงทำเรื่องขอใช้สถานที่จากกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติฯ เพื่อใช้ประโยชน์ทางด้านพระพุทธศาสนา
หลังได้รับการอนุมัติ การดำเนินการได้เริ่มต้นขึ้นทันที ซึ่งจากการสำรวจบริเวณหน้าผาพบว่า ตรงจุดกึ่งกลางที่ยื่นออกมาและจะใช้เป็นจุดแกะสลักพระ ลักษณะเหมือนหัวมังกร ขณะที่ส่วนโค้ง 2 ด้านที่โอบล้อมเข้ามาเหมือนปีกนก
จึงเรียกขานหน้าผาแห่งนี้ว่า “หน้าผามังกรบิน”
5 ปีเต็มกับความเพียรพยายามของ “เจ้าคุณสอิ้ง” ด้วยความร่วมมือของพุทธศาสนิกชน ส่วนราชการ คณะสงฆ์ทั้งใน จ.สุพรรณบุรี จากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงคณะสงฆ์จากต่างประเทศ ส่วนผู้รับจ้างแกะสลักคิดราคาแบบร่วมทำบุญด้วย
มาถึงวันนี้ “พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ” องค์นี้สำเร็จเสร็จสิ้นด้วยความสวยสดงดงามจนสุดบรรยาย
หลังจากองค์พระที่มีความยากลำบากในการแกะสลักด้วยหินของตัวภูเขาเอง ซึ่งจะมีความคงทนถาวรไปจนชั่วฟ้าดินสลายเสร็จสิ้น ช่วงเวลาจากนี้ไปอยู่ในขั้นตอนของการปรับภูมิทัศน์โดยรอบ ให้บังเกิดความสวยงามสมบูรณ์แบบครบถ้วนตามเป้าหมาย
รวมถึงการประกอบพิธียก พระเกศมาลา (บัวตูม) น้ำหนัก 8 ตัน ที่แกะสลักเสร็จเรียบร้อย ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่หน้าผามังกรบิน ให้ชาวพุทธได้กราบสักการะและปิดทอง ก่อนยกขึ้นไปประดิษฐานบนพระเศียรของพระพุทธรูปองค์นี้
ในส่วนของพระเกศมาลาที่ยังไม่ได้ถูกยกขึ้นนี้ ชาวพุทธยังสามารถไปกราบไหว้ปิดทองได้ เพราะหากยกขึ้นไปประดิษฐานแล้วจะไม่สามารถขึ้นไปปิดทองได้ เพราะจะอยู่บนจุดสูงสุดขององค์พระและจุดสูงสุดของหน้าผา
...
เมื่อวันก่อนได้มีการประกอบพิธีครั้งใหญ่ด้วยการนิมนต์พระสงฆ์ 500 รูป มาสวดมนต์บทมหาสมัยสูตร ซึ่งเป็นบทชุมนุมเทวดาให้ทวยเทพทุกชั้นฟ้ารับรู้ถึงการสร้างพระพุทธรูปองค์นี้
โดยมี พระพรหมเวที เจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม เป็นประธานนำสวดและบรรยายธรรม มีชาวพุทธแห่ไปร่วมพิธีเกือบหมื่นคน
สำหรับการสร้าง “พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ” พระแกะสลักกับภูเขาในลักษณะที่ “เจ้าคุณสอิ้ง” สร้างไว้องค์นี้ถือเป็นพระแกะสลักกับภูเขาเป็นองค์ที่ 3 และยุคที่ 3 ของโลก
ยุคแรก เป็นพระพุทธรูปแกะสลักกับภูเขาแบบพระยืน 3 องค์ที่ เขาบาบียัน ประเทศอัฟกานิสถาน ซึ่งมีขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 9 แต่ถูกระเบิดทำลายเมื่อปี พ.ศ.2544
ยุคที่สอง เป็นการแกะสลักพระกับภูเขาที่ริมแม่น้ำหมินเจียง เมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน มีขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 10 ที่ใช้เวลาแกะสลักนานถึง 90 ปีจึงสำเร็จ
...
นอกจากนี้ด้านหลังองค์พระยังมีการเจาะภูเขาเป็นถ้ำ มีความกว้าง 20 เมตร ยาว 50 เมตร เพื่อใช้ประกอบศาสนกิจ เช่น การเวียนเทียนรอบพระใหญ่ในวันสำคัญทางศาสนาต่างๆ และการปฏิบัติธรรมของพุทธบริษัท 4 ด้วย
“อาตมาสร้างพระองค์นี้ขึ้นมาเพื่อให้เป็นมรดกโลกต่อไปในอนาคต ถือเป็นหนึ่งเดียวในไทย ยิ่งใหญ่ในโลก มรดกคู่ฟ้าดิน เพราะเป็นพระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผาใหญ่ที่สุดในยุคนี้ และยังเพื่อให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของชาวพุทธ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกด้วย” เจ้าคุณสอิ้ง กล่าว
นับว่างดงามหนึ่งเดียวในไทย และยิ่งใหญ่ในโลกจริงๆ.
เด่นชัย เด่นชัยประดิษฐ์