"อภิสิทธิ์" เดินสายขอเสียงสมาชิกพรรค ปชป.เมืองแพร่ ชูนโยบายก้าวกระโดด เชื่อ ผบ.ทบ.พูดตามประวัติศาตร์เรื่องรัฐประหาร เชื่อไม่กระทบภาพลักษณ์ประเทศ ย้ำนักการเมืองทบทวนตัวเอง

เมื่อวันที่ 18 ต.ค.61 ที่ จ.แพร่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกฯ ในฐานะผู้สมัครแข่งขันเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 1 พร้อมคณะผู้บริหารพรรคที่สนับสนุน อาทิ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์, นายอัศวิน วิภูศิริ รองหัวหน้าพรรค, นายพนิช วิกิจเศรษฐ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่พบปะสมาชิกพรรคที่ จ.แพร่ โดยมี นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีต ส.ส.แพร่, นางมัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรค และสมาชิกพรรค จ.แพร่ จำนวนกว่า 2,000 คนให้การต้อนรับ 

โดย นายอภิสิทธิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตำแหน่งหัวหน้าพรรคถือว่ามีความสำคัญทางการเมือง ครั้งนี้เปิดให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมในการร่วมโหวตหยั่งเสียงตามระบบประชาธิปไตย เกี่ยวโยงถึงการนำพาพรรคในอนาคต หากตนได้รับโอกาสให้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์สู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ จะประกาศใช้นโยบายก้าวกระโดด จะทำในสิ่งที่ประเทศไทยควรต้องมีต้องเป็น โดยจะไม่ใช้จีดีพีเป็นตัววัดระบบเศรษฐกิจของประเทศ แต่จะวัดจากคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดีขึ้นอย่างไร โดยเฉพาะราคาพืชผลการเกษตรที่เป็นรากฐานของประเทศไทยต้องดีขึ้น ด้านการเมืองประชาธิปัตย์จะร่วมมือกับพรรคใดทางการเมือง ตนจะไม่ตอบแล้ว เพราะประชาชนไม่ได้ประโยชน์ แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ตัวแปร แต่เราเป็นตัวหลัก ซึ่งควรถามว่าพรรคใดจะมาร่วมกับประชาธิปัตย์ เพื่อทำสิ่งดีๆ ให้ประชาชนและชาติบ้านเมือง เราจะใช้นโยบายกระจายอำนาจให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดที่พร้อมการปฏิรูปตำรวจที่ค้างคาจะทำให้สำเร็จ

"ถ้าเลือกผม ผมถือว่าเป็นคำสั่งให้ผมตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนให้สำเร็จ ฝ่ายไหนจะมาร่วมกับผม ต้องไปฟังเสียงของประชาชนก่อน และต้องตอบให้ได้ว่าพี่น้องประชาชนจะได้อะไร แต่ขอให้เลือกเบอร์ 1 ในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคก่อน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว 

...

ต่อมาเวลา 15.30 น. นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ระบุไม่รับประกันว่าจะไม่มีการปฏิวัติอีกครั้งหรือไม่ ว่า ไม่มีใครอยากจะให้เกิดการจลาจล เราทุกคนจะต้องไม่พาประเทศกลับไปสู่จุดดังกล่าว โดยหนทางที่ดีที่สุด คือ การเป็นประชาธิปไตยที่ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน รวมทั้งเป็นประชาธิปไตยที่ตอบสนองประชาชน ซึ่งตนก็พยายามที่จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นเส้นทางหลักและไม่นำประเทศกลับไปสู่จุดเดิม ทั้งนี้ตนมองว่าการออกมาพูดเรื่องนี้ของ ผบ.ทบ.เป็นเพราะมองตามประวัติศาสตร์การเมืองมากกว่า ส่วนจะเป็นการปรามนักการเมืองหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่คิดว่า ผบ.ทบ.คงอยากให้เห็นประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ส่วนตนในฐานะนักการเมืองได้เรียกร้องมาตลอดว่า อย่าทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก และไม่ควรชี้นิ้วต่อว่าใครเป็นต้นเหตุ แต่ทุกฝ่ายควรจะย้อนดูตัวเอง

เมื่อถามว่า การออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะดังกล่าว จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ได้อยู่ที่คำพูดของผบ.ทบ.เพราะที่ผ่านมาต่างประเทศก็ได้ติดตามการเมืองไทยมาพอสมควร จึงน่าจะคิดได้ว่า มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เกิดผลกระทบกับประเทศไทย 

"การออกมาพูดครั้งนี้ ท่านพูดเพื่อชี้ให้เห็นถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่าเกิดขึ้นเพราะอะไรอย่างไร ผมอยากให้ทุกคนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในอดีตมากกว่าชี้นิ้วกล่าวหากันไปมา พูดหลายครั้งแล้วว่า การทำรัฐประหารที่ผ่านๆ มา คนทำรัฐประหารก็ถูกต่อว่า ขณะเดียวกันคนที่สร้างเงื่อนไขทำให้เกิดรัฐประหารก็ต้องทบทวนตัวเองด้วย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว