“พิชัย” แนะ “สมคิด” สะกิดเตือน “บิ๊กตู่” อย่าปล่อยให้เสียฟอร์มซ้ำซ้อน ยืนยันการขยายตัว 4 ปี เฉลี่ยปีละ 2% กว่า เป็นข้อมูลจริง ไม่ได้บิดเบือน ไม่ผิดกฎหมาย ย้ำจะเป็นผู้นำต่อไป ต้องรู้เศรษฐกิจให้มากขึ้น...

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่ได้ออกมาเตือนรัฐบาลเรื่องสถาบัน IMD ลดอันดับความสามารถแข่งขันของไทยลงหนักมาอยู่อันดับที่ 30 สาเหตุหลักมาจากความไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล และขาดดุลงบประมาณมาก และได้ชี้ให้เห็นว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ยปีละ 2% กว่า เท่านั้น และถึงปีนี้จะโตได้ 4% กว่า แต่ยังต่ำสุดในอาเซียน ซึ่งเป็นข้อมูลจริง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาเตือนว่าใครบอกว่าเศรษฐกิจโต 2% จะผิดกฎหมาย และจะดำเนินคดี

ทั้งนี้อยากให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจได้คำนวณตัวเลขเศรษฐกิจ 4 ปี ย้อนหลังและนำมาเฉลี่ย เพื่อรายงาน พล.อ.ประยุทธ์ เพราะจากที่ได้คำนวณตามตัวเลขเศรษฐกิจของสภาพัฒน์ ที่แถลงทุกสิ้นปี พบว่า เศรษฐกิจปี 2557 ขยายตัว 0.7% ปี 2558 ขยายตัว 2.8% ปี 2559 ขยายตัว 3.2% และปี 2560 ขยายตัว 3.9% ซึ่งนำมารวมกัน 4 ปี จะได้ 10.6% และเมื่อนำหารเฉลี่ย 4 ปี จะได้ค่าเฉลี่ยเท่ากับปีละ 2.65% หรือ 2% กว่าตามที่บอก และเป็นการคำนวณตามหลักสากล ไม่ได้บิดเบือนแต่อย่างไร

“ถ้าหากบอกว่าตัวเลขนี้บิดเบือน น่าจะต้องบอกด้วยว่าตัวเลขการเติบโตเฉลี่ย 4 ปีที่ถูกต้องคือเท่าไหร่ และถึงปีนี้จะโต 4% กว่า แต่ก็ยังต่ำสุดในอาเซียน จึงอยากให้นายสมคิดออกมายืนยันว่าการคำนวณนี้ถูกต้องหรือไม่ เพื่อสะกิดเตือนและยืนยันกับ พล.อ.ประยุทธ์ อย่าปล่อยให้เข้าใจคลาดเคลื่อนจะเสียฟอร์มซ้ำซ้อน และเชื่อว่าถ้านายสมคิดทราบก่อน คงไม่ปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์พูดคลาดเคลื่อนแบบนี้”

...

พร้อมย้ำว่าการเสนอความเห็นโดยสุจริตตามหลักสากล น่าจะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญและไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งการที่ 4 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยโตเฉลี่ยเพียงปีละ 2% กว่านี้ จึงทำให้ประชาชนลำบากกันอย่างมาก และยังทำให้เกิดปัญหาการว่างงานมากขึ้น และหนี้เสียเพิ่มสูงขึ้นในระบบธนาคาร ซึ่งยังเป็นปัญหาอยู่ถึงปัจจุบัน ดังนั้นการที่ตนหวังดีและแนะนำ พล.อ.ประยุทธ์ ให้อ่านหนังสือเศรษฐกิจมากๆ ก็เพราะสาเหตุนี้ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะมีความตั้งใจจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อหลังการเลือกตั้ง ต้องยิ่งศึกษาเรื่องเศรษฐกิจให้มากยิ่งขึ้น จะได้เข้าใจและสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในตลอด 4 ปีที่ผ่านมานี้ได้ ปัญหาปากท้องของประชาชนจะได้ได้รับการแก้ไข ไม่ลำบากกันอยู่เหมือนในปัจจุบัน โดยเฉพาะเรื่องราคาพลังงานที่เริ่มสูงขึ้นมาก และรัฐบาลควรจะต้องเข้ามาหาทางช่วยเหลือและแก้ไขมากกว่านี้.