เกิดเหตุคนร้ายสวมหน้ากากบุกกราดยิงที่โบสถ์แห่งหนึ่งในรัฐเทนเนสซี เมื่อวันอาทิตย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีก 6 คน แต่คนร้ายถูกพลเมืองดีรวบตัวเอาไว้ได้...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน เกิดเหตุมือปืนสวมหน้ากากบุกเข้าไปกราดยิงภายในโบสถ์แห่งหนึ่งที่เมืองแอนติออก รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา เป็นเหตุให้มีผู้หญิงเสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกยิง 6 คนและถูกทำร้ายอีก 1 คน ก่อนที่คนร้ายรายนี้จะถูกตำรวจจับกุมตัว

ตามการสืบสวนของตำรวจ ผู้ต้องสงสัยคือนาย เอมมานูเอล คิเดกา แซมสัน ผู้อพยพมาจากประเทศซูดานเมื่อ 2 ทศวรรษก่อน โดยในวันเกิดเหตุ เขาขับรถอเนกประสงค์สีฟ้าไปยังโบสถ์คริสต์ ‘บูร์เนตต์’ พร้อมปืน 2 กระบอกและสวมหน้ากากสกี เมื่อเดินทางมาถึงเขาเปิดฉากยิงนาง เมลานี สมิธ อายุ 39 ปีที่ลานจอดรถทันที ทำให้เธอเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ผู้อยู่ในเหตุการณ์สวมกอดปลอบประโลมซึ่งกันและกัน
ผู้อยู่ในเหตุการณ์สวมกอดปลอบประโลมซึ่งกันและกัน

...

จากนั้นนายแซมสันก็บุกเข้าไปในโบสถ์จากประตูด้านหลัง และกราดยิงผู้คนในโบสถ์ซึ่งขณะนั้นมีประมาณ 50 คน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คน จากนั้นพนักงานในโบสถ์คนหนึ่งชื่อ โรเบิร์ต เองเกิล อายุ 22 ปี เข้าไปเผชิญหน้ากับมือปืนและต่อสู้กันจนเขาโดนตบด้วยปืนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่คนร้ายทำปืนลั่นใส่ตัวเองบาดเจ็บเช่นกัน นายเองเกิลจึงรีบวิ่งไปที่รถของตัวเองเพื่อหยิบปืนซึ่งเขามีใบอนุญาตครอบครองตามกฎหมาย แล้วกลับเข้าไปในโบสถ์ เพื่อคุมตัวคนร้ายจนกระทั่งตำรวจเดินทางมาถึง

ทั้งนี้ ดอน แอรอน โฆษกตำรวจเมืองแนชวิลล์ระบุว่า ในตอนที่ตำรวจเดินทางถึงที่เกิดเหตุ รถยนต์ของคนร้ายยังติดเครื่องอยู่ ทำให้สันนิษฐานได้ว่า คนร้ายตั้งใจมาก่อเหตุแล้วรีบหลบหนี แต่กลับเผชิญการขัดขืนอย่างไม่คาดฝันจากพนักงานโบสถ์ผู้กล้าหาญคนนี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ทราบความสัมพันธ์ระหว่างคนร้ายกับผู้คนในโบสถ์ และยังไม่ทราบมูลเหตุจูงใจ แต่สำนักงานสืบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ได้เข้ามาสืบสวนแล้ว โดยมุ่งเน้นที่ประเด็นสิทธิพลเรือน