สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร แจงระบบตั๋วร่วมหรือบัตรแมงมุมจะมีรถไฟฟ้าเข้าร่วมไม่เกิน 6 เดือนข้างหน้า รวมทั้งเอกชน แบงก์ใหญ่-ร้านสะดวกซื้อ พร้อมเจรจาร่วมธุรกิจ..
วันที่ 1 ก.ย.60 นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เผยถึง ความคืบหน้าการพัฒนาระบบต๋วร่วมหรือบัตรแมงมุม ซึ่งสัปดาห์นี้ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว ระยะเริ่มต้นจะครอบคลุมผู้ใช้บริการรถเมล์ทุกเส้นทาง และเชื่อมโยงข้อมูลกับบัตรผู้มีรายได้น้อย ที่มีผู้เข้าร่วมโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ กว่า 11 ล้านคน โดยภายหลังระบบตั๋วร่วม ผ่านการอนุมัติจาก ครม. จะทำให้บริษัทเอกชนผู้เดินรถให้บริการรถไฟฟ้าทั้งบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน มีความมั่นใจพร้อมเข้าร่วมโครงการ
เนื่องจากมติ ครม.มีการมอบหมาย รฟม. ถ่ายโอนงานฐานข้อมูลและเป็นผู้จัดการงานของบริษัทจัดแบ่งรายได้หรือเคลียริ่งเฮาส์ เชื่อมโยงกับผู้ประกอบการเดินรถแต่ละราย เกิดความชัดเจนทั้งในแง่ของกฎหมายและผู้รับผิดชอบ ขณะเดียวกันเชื่อว่าผู้ประกอบการทุกรายจะเห็นว่าการเข้าร่วมระบบตั๋วร่วม จะทำให้ตัวเองมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และจากการหารือที่ผ่านมาผู้ประกอบการทุกราย ได้วางระบบเบื้องต้นแล้ว
ดังนั้น ไม่เกิน 6 เดือน เชื่อว่าจะเห็นผู้ประกอบการรถไฟฟ้า เชื่อมโยงการบริการกับบัตรแมงมุมแน่นอน เริ่มจากติดตั้งระบบอ่านบัตรบางส่วนในพื้นที่สถานี เช่น ช่องทางที่ผู้โดยสารเข้าสู่สถานี เพื่อตรวจบัตรโดยสาร จะมีการนำร่องใช้ 2 ช่องทาง ที่ตรวจผ่านตั๋วแมงมุมได้ ก่อนขยายเต็มรูปแบบในอนาคต นอกจากนี้ การพัฒนาบัตรแมงมุมนอกจากระบบรถเมล์ทุกเส้นทาง รถไฟฟ้า ในอนาคตจะรวมระบบเรือโดยสาร ทางด่วน ที่จะเข้าร่วมในอนาคตแล้ว
ขณะนี้ ยอมรับว่ามีเอกชนหลายรายสนใจเข้าร่วมธุรกิจเพื่อเชื่อมโยงกับบัตรแมงมุม เพื่อต่อยอด ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงิน ซึ่งมีธนาคารบางแห่งต้องการเชื่อมโยงบริการบัตรเดบิตกับบัตรแมงมุม อย่างไรก็ตาม จะต้องหารือความร่วมมือต่อไป เนื่องจากการเข้าสู่ระบบจะมี 2 ลักษณะ คือ เฉพาะเชื่อมโยงข้อมูลในบัตร หรือเป็นผู้ออกบัตรเองด้วย ซึ่งจะต้องเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับระบบเคลียริ่งเฮาส์ และต้องรอการวางระบบร่วมกันอีกครั้ง
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อก็ให้ความสนใจร่วมบัตรแมงมุมวันนี้ สนข.ยังได้จัดงานสัมมนารับฟังความคิดเห็นครั้ง 1 โครงการสำรวจความต้องการการเดินทางและปรับปรุงฐานข้อมูลการเคลื่อนย้ายสินค้า เพื่อวางแผนระบบขนส่ง โดย ผอ.สนข.ระบุว่าการจัดทำข้อมูลการเคลื่อนย้ายผู้โดยสารระบบขนส่งธารณะและสินค้าจะมีความสำคัญต่อการวางแผนพัฒนาระบบขนส่งเหมือนในอดีตที่ผ่านมาที่พบว่าประชาชนต้องการใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น จึงพัฒนาระบบรถไฟฟ้า 10 เส้นทาง เพื่อตอบสนองความต้องการส่วนนี้และหลังจากโครงการระบบรถไฟฟ้าเส้นทางต่างๆ พัฒนาจนเสร็จ
อย่างไรก็ตาม สนข.ตั้งเป้าหมายว่าภายในไม่น้อย 4-5 ปีข้างหน้าจะมีประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมจากการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลไปสู่การใช้ระบบขนส่งสาธารณะ จากเดิมมีเพียงร้อยละ 8-9 ไปไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ส่งผลดีต่อการพัฒนาประเทศทั้งการลดใช้พลังงาน ปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดอุบัติเหตุ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการด้านเวลาการเดินทาง ซึ่งทั้งหมดเป็นการเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศได้เป็นรูปธรรม.
การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล