ไม่ทราบว่าไปรับข้อมูลมาจากที่ไหน ผู้อ่านท่านหนึ่งถึงมีอีเมล์มาถามนิติภูมิว่า อ้า เป็นความจริงไหม ที่ว่าคนรัสเซียเป็นพวกบ้าหมอดู? นิติภูมิขอตอบตามประสบการณ์ของตนเองครับว่า คนรัสเซียชอบดูหมอ เมื่อก่อนตอน พ.ศ.2535 รายการโทรทัศน์ตอนเช้าๆ จะเป็นเรื่องดวงของท่านในวันนี้ ผู้คนดูกันทั้งบ้านทั้งเมือง
ตอนไปเก็บข้อมูลเพื่อนำมาทำวิทยานิพนธ์ที่พม่า ผมได้รับความเมตตาจากพวกนักการทูตรัสเซีย นอกจากจะเป็นเรื่องข้อมูลพม่าที่จะต้องนำมาใช้เขียนแล้ว ท่านเหล่านั้นยังพาผมไปตระเวนดูหมอดูชาวพม่าซะหลายสำนัก ผมจะบอกวิธีหากินกับชาวรัสเซียให้ครับ ก็เรื่องดูหมอนี่แหละ น่าจะมีหมอดูเก่งๆ ที่มีล่ามแปลประจำ เมื่อโฆษณาไปในอินเตอร์เน็ต ผมเชื่อว่าน่าจะมีคนรัสเซียบินมาดูหมอกับท่านแน่ๆ
อันนี้มาจากในประวัติศาสตร์ของรัสเซียที่มีเรื่องเกี่ยวดองหนองยุ่งกับหมอดูไม่น้อย นิติภูมิขอยกตัวอย่างรับใช้ ผู้อ่านท่านคงจะเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงพระนามของกษัตริย์รัสเซีย "ซาร์อีวานที่ 4" ตอนที่พระองค์ประชวร ได้มีพระบัญชาให้คณะโหร 60 คนมาเข้าเฝ้าเพื่อทำนายทายทักว่าพระองค์จะเสด็จสวรรคตเมื่อใด
หลังจากตรวจพระดวงชะตากันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด คณะโหรก็กราบทูลว่า อ้า พระองค์จะเสด็จสวรรคตในวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2127 ซาร์อีวานที่ 4 ทรงคาดโทษคณะโหรว่า อ้า ถ้าพวกท่านทำนายทายวันเวลานาทีที่ข้าจะตายผิด ข้าจะสั่งลงโทษด้วยการนำพวกเจ้าไปเผาทั้งเป็น
เช้าตรู่ของวันที่ 18 มีนาคม 2127 ซาร์อีวานที่ 4 ทรงตื่นบรรทมด้วยพระอารมณ์แจ่มใสสดชื่น และเสด็จลงสรงน้ำ คนรัสเซียจะไม่อาบน้ำกันบ่อยๆนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนมีนาคม ซึ่งยังอยู่ในห้วงช่วงฤดูหนาว สรงน้ำเสร็จ พระองค์ก็เสด็จกลับมายังแท่นบรรทม จากนั้นก็แจ้งพระประสงค์ว่าจะทรงหมากรุก ทันทีที่ซาร์อีวานที่ 4 ล้มองค์ลงบนพระแท่นบรรทม ก็เสด็จสวรรคตตามคำทำนาย
คนรัสเซียจะมีคำเรียกซาร์ของตัวเองตามลักษณะอารมณ์และการกระทำ อย่างซาร์อีวานที่ 4 คนรัสเซียเรียกพระองค์ว่า ซาร์อีวานผู้โหดเหี้ยม รัสเซียสมัยก่อนเชื่อเรื่องหมอดูและคำสาปแช่ง พระราชบิดาและพระราชมารดาของซาร์
อีวานที่ 4 คือ ซาร์วาซีลีที่ 3 และพระนางเยลินา กลินสกี ทั้งสองพระองค์ทรงมีปัญหาเรื่องสมรสซ้อน พระสังฆราชแห่งนครเยรูซาเลมจึงสาปแช่งให้ทารกที่คลอดออกมาให้ทรงเป็นพระราชโอรสที่ชั่วร้าย แล้วก็เป็นไปตามคำสาปแช่งจริงๆ ซาร์อีวานที่ 4 ประสูติในราตรีที่กรุงมอสโกเจอพายุอย่างหนัก เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมายุเพียง 3 พรรษา ขณะชนมายุ 7 พรรษา พระราชมารดาก็ถูกวางยาพิษจนสวรรคต
กีฬาของซาร์อีวานที่ 4 ก็คือ การออกไปทุบตีประชาชนและโยนแมวหมาลงมาจากหอสูงในพระราชวังเครมลิน พอถึงพระชนมายุ 17 พรรษา ก็ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอีกครั้งพร้อมทั้งเป็นซาร์องค์แรกที่รับคำประกาศพระอิสริยยศว่า ซาร์แห่งรัสทั้งปวง และพระองค์ทรงเป็นซาร์องค์แรกที่ประกาศว่ามีหน้าที่ปกป้องคริสต์ศาสนานิกายกรีกออร์ทอดอกซ์
ในรัชกาลของซาร์พระองค์นี้ แผ่นดินรัสเซียมีแต่ความซวย หลังจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษกได้ไม่นาน ก็เกิดไฟไหม้ใหญ่ในกรุงมอสโก จากนั้นบ้านเมืองก็เกิดจลาจล ซาร์อีวานที่ 4 ถือเป็นโอกาสกำจัดศัตรูที่เป็นพวกตระกูลใหญ่ ก็จับพวกสมาชิกตระกูลใหญ่มาฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมทารุณ ในสมัยนี้ ซาร์ประกาศว่าชาวนาไม่ต้องจ่ายค่าเช่า หากยอมแปรสภาพเป็นทาสติดที่ดิน เสรีชนคนรัสเซียที่เป็นชาวนาสมัยนั้นจึงกลายมาเป็นทาสติดที่ดินกันถ้วนหน้ามานานอีกเป็นร้อยปี
ซาร์อีวานที่ 4 ปกครองอย่างเหี้ยมโหด จับพระสหายรักตั้งแต่เยาว์วัยไปทรมานและเสียชีวิตในคุก ขุนนางตระกูลไหนที่ประชาชนคนทั่วไปรักก็จักโดนประหารชีวิตด้วยข้อหาว่าจะก่อกบฏและทรยศ เมื่อประชาชนคนทั้งแผ่นดินเบื่อหน่าย ซาร์อีวานที่ 4 ก็ขู่ว่าจะสละราชสมบัติซึ่งจะทำให้ราชบัลลังก์ว่างลงและสร้างความหายนะให้แก่ราชอาณาจักร พวกศาสนจักรและขุนนางก็ต้องเดินทางไปง้องอนกัน
ซาร์อีวานที่ 4 นี่แหละครับ ที่ก่อตั้งโอปริชนีกี ซึ่งหมายถึง กองกำลังทหารม้าชุดดำที่ใช้ม้าดำเป็นพาหนะ โอปริชนีกีมีกำลังทหารถึง 6,000 คน ทำหน้าที่กำจัดศัตรูและบุคคลที่เป็นภัยต่อซาร์ พวกนี้มีอำนาจเต็มที่ในการฆ่าและยึดทรัพย์สิน ส่วนใหญ่จะเป็นการฆ่าให้ตายทั้งตระกูล ไม่ให้เหลือญาติพี่น้องเอาไว้ทำพิธีทางศาสนาให้แก่คนที่ตายไปแล้ว อันนี้ทำให้คนกลัวมาก เพราะตามความเชื่อของคนรัสเซีย ถ้าไม่มีการทำพิธีทางศาสนา วิญญาณของผู้ตายจะไปอย่างหาความสงบสุขมิได้
เมื่อฆ่าประชาชนคนที่ถูกหาว่าทรยศต่อแผ่นดินได้ ทหารจะตัดหัวแล้วนำหัวมาแขวนไว้กับอานม้า ทรัพย์ที่ยึดของประชาชนมาได้ก็แบ่งไปเป็น 4 ส่วน ส่วนที่ 1 เป็นของทหารม้าโอปริชนีกี ส่วนที่ 2 เป็นของผู้แจ้งเบาะแส ส่วนที่เหลืออีก 2 ส่วนเป็นของพระเจ้าซาร์ ส่วนซาร์เองจะมีอาวุธติดพระหัตถ์อยู่ตลอดเวลา ไม่พอใจใครก็จะใช้หอกพุ่งแทงทันที แม้แต่พระโอรสองค์โตซึ่งเป็นรัชทายาทของพระองค์เองก็โดนฆ่า
แม้ว่าจะมีอำนาจล้น แต่เมื่อเสด็จสวรรคตไปแล้ว ประวัติศาสตร์ก็กล่าวถึงซาร์อีวานที่ 4 ในแง่ร้าย ผู้คนทั้งประเทศเรียกพระองค์ว่า ซาร์อีวานผู้เหี้ยมโหด อันนี้น่าจะเป็นตัวอย่างแก่ผู้คนบนโลกนี้ที่ยังไม่ตาย ทว่าประกอบแต่กรรมทำชั่ว มีแต่ความเหี้ยมโหดโฉดเขลา แม้ว่าอำนาจจะทำให้ไม่มีใครกล้าหือ แต่เมื่อตายกลายเป็นผีเมื่อไร ความชั่วของท่านก็จะปรากฏออกมาอย่างซาร์อีวานที่ 4 นี่แหละครับ.
...
นิติภูมิ นวรัตน์